📌 “ทำไมแผ่นดินไหวแรงสุดในโลกกลับคร่าชีวิตคนน้อยกว่าแผ่นดินไหวขนาดเล็ก?”

เมื่อพูดถึงแผ่นดินไหว หลายคนอาจคิดว่าขนาด (Magnitude) ที่ใหญ่กว่าย่อมหมายถึงความเสียหายที่มากขึ้นและจำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้น แต่ในความเป็นจริง เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป!

.

ยกตัวอย่าง แผ่นดินไหวที่เมืองถังซาน ประเทศจีน ในปี 1976 ซึ่งมีขนาดเพียง 7.5 แมกนิจูด กลับคร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 250,000 คน ซึ่งใกล้เคียงกับยอดผู้เสียชีวิตจาก แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียปี 2004 ที่มีขนาดใหญ่ถึง 9.1 แมกนิจูด ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

.

🔸 อะไรที่ส่งผลต่อความรุนแรงของแผ่นดินไหว?

1️⃣ ความลึกของแผ่นดินไหว – แผ่นดินไหวที่เกิดใกล้พื้นดิน (ตื้น) จะสร้างความเสียหายมากกว่าแผ่นดินไหวที่เกิดลึกลงไป แม้จะมีขนาดเท่ากัน

2️⃣ ระยะห่างจากพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น – ถ้าเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กลางทะเลหรือพื้นที่รกร้าง ผลกระทบก็จะน้อยกว่าการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กในเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น

3️⃣ ลักษณะดินและภูมิประเทศ (Site Response) – พื้นที่บางแห่งมีโครงสร้างธรณีวิทยาที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนแรงขึ้น เช่น ดินอ่อนจะขยายแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่าหินแข็ง

.

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ชิลี ปี 1960 (9.5 แมกนิจูด) แต่กลับมีผู้เสียชีวิตเพียงราว 1,600 คน สาเหตุเพราะเกิดในพื้นที่ห่างไกลและประชากรไม่หนาแน่น

.

🔥 สรุป

✅ แค่แรงอย่างเดียวไม่พอ – สิ่งที่ทำให้แผ่นดินไหวอันตรายจริง ๆ คือ “ตำแหน่ง” และ “สภาพแวดล้อม”

✅ การเตรียมพร้อมคือหัวใจสำคัญ – เมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานแข็งแรงและระบบเตือนภัยที่ดีสามารถลดความสูญเสียได้มหาศาล

.

ดังนั้น ครั้งต่อไปที่ได้ยินว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ อย่าตกใจแค่ตัวเลข แต่อย่าประมาทกับสิ่งที่ตามมา!